วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559



บันทึกการเรียนครั้งที่ 6
วันอังคารที่ 13 กันยายน 2559


บรรยากาศในห้องเรียน

  อาจารย์ให้คัด ก-ฮ แต่ครั้งนี้อาจารย์ให้คัดโยไม่มีเส้นปะแบบตัวบรรจงเต็มบรรทัด ครั้งนี้เป็นการคัดครั้งที่ 2 อาจารย์ให้คัดเพื่อที่จะเปรียบเทียบให้ดูว่านักศึกษามีการพัฒนาในการคัดลายมือที่ดีขึ้นหรือไม่อย่างไร

ผลงานการคัดลายมือครั้งที่ 2



**************************************

    หลังจากคัดลายมือกันเสร็จทุกคนอาจารย์ก็ได้เปิดของเล่นวิทยาศาสตร์ของรุ่นพี่ๆที่ทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างในการนำไปปรับปรุงของตัวเองให้ดีขึ้น  จากนั้นอาจารย์ก็ได้ถามกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดเงาและไม่มีคนตอบถูกอาจารย์เลยให้ไปหาข้อมูลเรื่องเงามา

เงาคืออะไร

เงา คือ บริเวณที่แสงไม่สามารถส่องผ่านไปถึงหรือส่องไปถึงเพียงบางส่วนเมื่อมีตัวกลางทึบแสงมากั้นระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับฉาก จึงปรากฏเห็นเป็นเงาซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับวัตถุที่มากั้น โดยเราสามารถแยกเงาได้เป็น2 ชนิด คือ
1. เงามืด เป็นบริเวณที่วัตถุทึบแสงขวางทางเดินของแสงและสามารถบังแสงได้ทั้งหมด ทำให้เกิดบริเวณที่มืดสนิท คือการที่แสงสว่างส่องไม่ถึงอีกด้านหนึ่งนั่นเอง
2. เงามัว เป็นบริเวณที่สว่างเพียงเล็กน้อย เป็นเพราะวัตถุทึบแสงไม่สามารถบังแสงได้ทั้งหมด
ส่วนความกว้างของเงามืดและเงามัวนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของแหล่งกำเนิดแสง วัตถุกั้นแสง ฉากรับแสง และระยะห่างของแหล่งกำเนิดแสงกับวัตถุที่กั้นแสง

ประโยชน์ของเงา

มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากเงาที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
1. ภูมิปัญญาของคนไทยในสมัยโบราณใช้การเกิดเงาในการประกอบอาชีพ เช่น นำไปใช้ในการแสดงหนังตะลุง หรือใช้มือทำให้เกิดเงาเป็นรูปร่างๆ เพื่อประกอบการเล่านิทาน
2. คนไทยในสมัยก่อนอาศัยการสังเกตเงาที่เกิดจากดวงอาทิตย์นำไปใช้ประโยชน์ในการประมาณเวลาได้ เช่น ถ้าเกิดเงาที่ทอดยาวแสดงว่า ขณะนั้นเป็นเวลาเช้าหรือเย็น ถ้าเงาสั้นลง แสดงว่า เป็นเวลาสายหรือบ่ายแต่ถ้าเงาสั้นมากจนเกือบมองไม่เห็นแสดงว่า ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวันเนื่องจากดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือศีรษะพอดี

เงากับการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ

โลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทุกดวงจัดเป็นตัวกลางทึบแสง เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงมากระทบจึงบังแสงไม่ให้ผ่านไปได้ทำให้เกิดเงามืดหรือเงามัวขึ้นได้ จากความรู้ที่ผ่านมานั้น โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์โคจรรอบโลก และดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ทั้งโลกและดวงจันทร์ต่างก็เป็นตัวกลางทึบแสง จึงทำให้เกิดการบังของเงาขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า สุริยุปราคาและจัทรุปราคา
- สุริยุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลากลางวัน เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน มีดวงจันทร์ซึ่งเป็นตัวกลางทึบแสงอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก ดวงจันทร์จึงบังแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ส่องผ่านมายังโลก จึงเกิดเงาของดวงจันทร์ทอดมายังโลก ทำให้คนบนโลกที่อยู่ในบริเวณเงามองไม่เห็นดวงอาทิตย์ หรือเห็นไม่เต็มดวง เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า สุริยุปราคา
- จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลากลางคืนช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวง เมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรอยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งมีโลกอยู่ตรงกลางโลกเป็นตัวกลางทึบแสงและมีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์จะบังแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ส่องผ่านไปถึงดวงจันทร์ จึงเกิดเงาของโลกบังดวงจันทร์ได้เต็มดวงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า จันทรุปราคา


*************************************
มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต
มาตรฐาน ว 1. 1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทำงานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสาร สิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลกนำความรู้ไปใช้ในในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร
มาตรฐาน ว 3. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่
มาตรฐาน ว 4. 1 เข้าใจธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมีคุณธรรม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวัตถุในธรรมชาติมีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระที่ 5 พลังงาน
มาตรฐาน ว 5. 1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดำรงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม มีกระบวน การสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาตรฐาน ว 6. 1 เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของกระบวนการต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ
มาตรฐาน ว 7. 1 เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพการปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะและผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ การสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 7.2 เข้าใจความสำคัญของเทคโนโลยีอวกาศที่นำมาใช้ในการสำรวจอวกาศและทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างมีคุณธรรมต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม

สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8. 1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

***************************************************
   กิจกรรมต่อมาคืออาจรย์นำของเล่นวิทยาศาสตร์มาให้นักศึกษาลองเล่นและลองสังเกตการเปลี่ยนแปลง หรือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น


     การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตุ๊กตาที่วางอยู่หน้ากระจก กับการวางกระจกแบบกางออกกว้างๆกับการวางกระจกแบบเเคบ








      การวางดอกไม้กลีบเดียวหน้ากระจกที่ความกว้างในการกางที่ต่างกัน ทำให้จำนวนกลีบของดอกไม้นั้นเพื่มขึ้น





การขยับของภาพ




ของเล่นวิทยาศาสตร์เรื่องสี





**************************************************
ทักษะที่ได้รับ   
1.หลักการคัดลายมือ
2.ความรู้เรื่องเงา
3.ทักษะการคิดสร้างสรรค์
4.การออกแบบของเล่น
5.การทดลอง

การประยุกต์ใช้
   การทำของเล่นที่เด็กสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้เองและสามารถนำไปต่อยดการเรียนรู้ได้ในอนตค การสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่น่าค้นหาและน่าเรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการและวัยของเด็กในแต่ละช่วง

ประเมินผล

ประเมินตนเอง  มีความตั้งใจและได้ความรู้เรื่องเงา เรื่องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เหมาะกับเด็ก

ประเมินเพื่อน เพื่อนมีความสนใจและและตั้งใจในการทำงานที่ครูสั่ง

ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีหลักการสอนที่น่าสนใจ และมีการยกตัวอย่างเพื่อที่จะให้นักศึกษาได้เห็นภาพที่ชัดเจนในการทำงาน


************************************************









บันทึกการเรียนครั้งที่ 5
วันอังคารที่ 6 กันยายน 2559

บรรยากาศในห้องเรียน
 
  วันนี้อาจารย์ให้ไปดูวิดิโอการทดลองทางวิทยาศาตร์ที่ห้องสมุด ทุกคคนก็มาพร้อมกันที่ห้องสมุดและเข้าไปดูวีดิโอที่อาจารย์เปิดให้ดูกันอย่างสนใจ









เรื่องการทดลองที่ดูจะมีอยู่ 7 เรื่อง
1.การทดลองถ้วยกระดาษ
2.การทดลองการปล่อยควันธูปใส่ในตู้
3.การทดลองเรื่องทางผ่านของลม
4.การทดลองบังคับน้ำไม่ให้ไหลออกจากแก้ว
5.การทดลองยกหนังสือด้วยลมจากลูกโป่ง
6.การทดลองเจาะเเก้วน้ำยังไงไม่ให้น้ำไหล
7.การทดลองดันไข่ต้มลงในขวด


   หลังจากที่ดูวีดิโอเสร็จต่างก็แยกย้ายกันไป และอาจารย์ก็ได้บอกไห้ไปพบที่ตึกนวัฒกรรมเพื่อที่จะได้นำเสนอของเล่นที่อจารย์ได้สั่งให้ทำมา

ของเล่นที่ฉันทำมาคือ ร่มชูชีพ



อุปกรณ์

1.ถุงพลาสติก



2.เชือก 4 เส้น



3.ตุ๊กตา 



ขั้นตอนการทำ

1.ตัดถุงพลาสติกที่เรานำมาเป็นสึ่เหลี่ยมจตุรัส
2.จากนั้นนำเชือกที่เตรียมไว้ 4 เส้น มันทั้ง 4 มุมของถุงพลาสติกที่ตัดไว้
3.จากนั้นนำปลายเชื่อกข้างที่เหลืออยู่มามัดใส่กับตุ๊กตาที่เราเตรียมไว้

วิธีการเล่น


   จับตรงตุ๊กตาที่ผูกไว้ปลายเชือกแล้วก็โยนขึ้นไป หรือปล่อยลงจากที่สูงก็ได้ แล้วขณะที่ร่วงลงพื้นนั้นด้วยน้ำหนักของตุ๊กตาจะดิ่งลงสู้พื้นแล้วพสลาสติกที่เรามัดไว้อีกฝั่งนึ่งก็จะกางออกแล้วก็จะช่วยต้านกับบรรยากาศทำให้การร่วงลงสู่พื้นจะช้าลง 

ความรู้ของเล่นวิทยาศาสตร์กับเรื่องอากาศ

      ได้ความรู้เรื่อง แรงพยุงเมื่อวัตถุที่มีพื้นที่มากจะทำให้อากาศเข้าไปอยู่เยอะจึงทำให้เกิดการพยุงของวัตถุให้เคลื่อนที่ช้า แรงพยุงสามารถทำให้วัตถุลอยอยุ่บนอากาศได้ หากเราโยนร่มชูชีพแล้วปล่อยลงมาแบบไม่กางปีกจะทำให้ร่มชูชีพตกลงมาเร็วกว่า กับการปล่อยลงมาแบบกางปีกจะทำให้ร่มชุชีพตกลงมาช้ากว่าเพราะมีพื้นที่และอากาศเยอะกว่าแบบไม่กางปีก


ทักษะที่ได้รับ
1.ทักษะการทดลองแบบง่ายๆและเหมาะกับเด็กปฐมวัย
2.การมีความคิดสร้างสรรค์
3.การเชื่อมโยงเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก
4.การออกแบบของเล่นที่เหมาะสม
5.รูปแบบกานำเสนอผลงาน

การประยุกต์ใช้

  การทำของเล่นวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในแต่ละช่วง และการสอดแทรกเนื้อหาข้อมูลที่เข้าใจง่ายให้กับเด็ก 

ประเมินผล

ประเมินตนเอง มีความเข้าใจในการทำของเล่นวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับเด็ก การปฎิบัติตามขั้นตามหลักวิทยาศาสตร์

ประเมินเพื่อน เพื่อนๆต่างก็มีความคิดที่สร้างสรรค์ในการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มานำเสนอ

ประเมินอาจารย์ อาจารย์ถึงจะติดภาระกิจแต่ก็ยังไม่ทิ้งการสอน ได้สั่งให้นักศึกษาไแดูวีดิโอวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะได้มีองค์ความรู้เพื่อมเติมในการทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก


*******************************************************



บันทึกการเรียนครั้งที่ 4
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2559 

บรรยากาศในห้องเรียน
  วันนี้อาจารย์ได้แจกกระดาษให้กับนักศึกษาทุกคน แล้วให้คัด ก-ฮ เเบบหัวกลมตัวเหลี่ยม หลังจากคัดเสร็จทุกคนแล้วอาจารย์ก็ได้เข้าเนื้อหาขอการเรียนโดยเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมจากสัปดาห์ที่แล้วก่ินจากนั้นค่อยเข้าสู่สิ่งที่จะเรียนในวันนี้ หลังจากเรียนไปได้ซักระยะอาจารย์ได้ให้จับกลุ่ม 5-6 คนในการทำงานชินนี้ โดยมีอุปการณ คือ 1.กระดาษ 2.คลิปหนีบกระดาษ

-โดยมีหัวข้อคือให้นักศึกษาช่วยกันคิดของเล่นวิทยาศาสตร์จากสองสิ่งที่กำหนดให้แล้วให้สอดคล้องกับเรื่องอากาศ


ภาพบรรยากาศการทำกิจกรรม






กลุ่มที่1 ทำรถ
 คือพับกระดาษเป็นรถ โดยมีคลิปหนีบกระดาษที่ดัดเป็นเส้นตรงเป็นส่วนประกอบคือ เมื่อทดลองด้วยการเป่ารถกระดาษไปโดยไม่ใส่คลิปไว้ตรงหัวรถพบว่าทิศทางการเคลื่อนที่ของรถจะไม่คงที่ เป๋ไปมา  และเมื่อทดลองอีกครั้งด้วยการใส่คลิปหนีบกระดาษที่ดัดเป็นเส้นตรงไว้ตรงหัวรถพบว่าทิศทางการเคลื่อนที่ของรถค้งด้วยการที่ และเราก็สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางได้ด้วยการดัดปลายคลิปตามที่ตั้งการ

ขั้นตอนการพับ


  1.
 2.

3.


 4.

5.

6.

7.

8.

9.



กลุ่มที่ 2  ทดลองด้วยการใช้สิ่งของสองอย่างคือ คลิปหนีบกระดาษกับกระดาษ ปล่อยลงสู่พื้นโดยปล่อยจากระดับความสูงที่เท่ากับแล้วดูว่าของสิ่งไหนร่วงลงสู่พื้นก่อนกัน และปรากฎว่าคลิปร่วงลงพื้นก่อนกระดาษ เพราะว่ากระดาษมีพื้นที่มากกว่าคลิปทำให้ได้รับแรงพยุงจากอากาศ จึงทำให้การลอยตัวลงสู่พื้นช้ากว่าคลิปที่มีพื้นที่น้อยกว่า





กลุ่มที่ 3   รูปภาพสภาพอากาศต่างๆ  เป็นการวาดภาพเหตุการณ์ของสภาพอากาศที่แตกต่างกัน โดยใช้คลิปดัดทำเป็นเข็บของนาฬิการในการหมุนไปเหตุการณ์สภาพอากาศต่างๆ
เช่น อากาศร้อน  หนาว  ฝนตก  ในไม้ผลิ เป็นต้น




กลุ่มที่ 4  พับลูกยางกระดาษ

1. ตัดกระดาษให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้า
2. ให้พับครึ่งของกระดาษ
3. จากนั้นให้พับหัวกระดาษฝั่งใดฝั่งหนึ่งเข้ามาประมาณ 1 เซนติเมตร
4. และหลังจากนั้นก็เอาคลิปหนีบกระดาษมาหนีบทับตรงกลางของรอยที่พับ
5. เสร็จแล้วก็ลองเล่นได้เลย

วิธีการเล่น

ให้กางกระดาษที่ตัดไว้คนละฝั่งและลองโยนขึ้นไปให้สูงและปล่อยให้มันลอยลงมาสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น




กลุ่มที่ 5 พับนกกระดาษ



ขั้นตอนการพับ












กลุ่มที่ 6 พับกังหัน


ขั้นตอนการพับ
1.นำกระดาษสีสวยตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สีสลับกันสองด้าน
2.จากนั้นตัดแทยงมุมลงมาประมาณ ครึ่งหนึ่งของสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ตัดไว้
3.พับลงมา 1 ด้าน 4 มุม สลับกัน ติดตรงกลางด้วยกระดุม เม็ดสวย
4.นำไปติดกับแท่งไม้ที่เตรียมไว้ ด้วยลวดเส้นเล็กๆ
***นำไปให้เด็กเล่น หรือประดับตกแต่ง


*************************************

ทักษะที่ได้รับ
1.การออกแบบ
2.การวางแผน
3.การทำงานเป็นลำดับขั้นตอน
4.การระดมความคิดทำงานเป็นกลุ่ม
5.ทักษะและรูปแบบการออกไปนำเสนอผลงาน

การนำไปประยุกต์ใช้
  การนำสิ่งที่หาได้ง่ายๆมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์และสามารถเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับเด็กและช่วยต่อยอดความคิดและประสบการณ์เดิมของเด็กให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ได้จัดการเรียนการสอนให้มากยิ่งขึ้น

ประเมินตนเอง

ประเมินตนเอง  มาเรียนตรงเวลาและเข้าใจในเนื่อหาที่สอนพอสมควร

ประเมินเพื่อน  เพื่อนๆมีความตั้งใจในการทำงานที่อาจารย์สั่ง และมีความร่วมมือและช่วยกันเป็นอย่างดี

ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลาและมีกิจกรรมมาให้นักศึกษาทำ มีหลักการสอนและอธิบายงานที่เข้าใจง่าย


***********************************************








วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559


มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2559
National Science and Technology Fair,Thailand 

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2559

   เป็นการออกไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนโดยไปดูการจัดกรรมต่างๆที่เมืองทองธานีเป็นงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ การไปครั้งนี้พวกเราเดินทางไปกันเองโดยใช้เวลาว่างหรือวันหยุดไปศึกษาดูงาน
และในงานก็มีบรูสกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมายเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาและคณะครูมาศึกษาดูงานกัน โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น
1.โลกและอวกาศ
2.อุปกรณ์ทงการเกษตรชนิดต่างๆ
3.สัตว์แปลกๆที่หายากใกล้สูญพันธู์
4.การนำสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาประดิดเป็นของชนิดใหม่
5.สินค้าหรืออาหารที่แปรรูปมาจากพื่ชชนิดต่างๆ
6.การประดิดของเล่นวิทยาศาสตร์
7.โรงหนังสามมิติ
8.การแสดงและการโชว์ และอื่นๆอีกมากมาย


ภาพบรรยากาศในงาน










































 












ความรู้ที่ได้รับ
-ได้รู้จักสิ่งเเปลกใหม่ที่ตัวเองยังไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน
-ได้รู้จักที่มีของสิ่งต่างๆ
-รู้จักการประยุกต์ใช้หรือการรีไซเคิล
-การทดลองในเรื่องต่างๆ
-การแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า
-ได้รู้จักเครื่องมือทางการเกษตรที่กลุ่มนักศึกษาสร้างขึ้นเองและผ่านการประกวดจนได้รับรางวัล
-ได้รู้จักจักรวาลและอวกาศมมากขึ้น


****************************************************