วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559



บันทึกการเรียน
วันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2559

บรรยายกาศในห้องเรียน

   วันนี้อาจารย์เริ่มการเรียนด้วยการติดตามงานเก่าที่ให้ไปแก้ไขเเละเพิ่มเติมต่อจากสัปดาห์ที่แล้วว่าแต่ละกลุ่มได้ไปเพิ่มเติมหรือได้ไปแก้ไขมาหรือไม่

เพื่อนๆแต่ละกลุ่มนำงานของกลุ่มตัวเองออกไปนำเสนอ

หน่วยปลา



 หน่วยไข่



 หน่วยอวกาศรอบตัวฉัน



 หน่วยผลไม้



 หน่วยดอกไม้



 หน่วยต้นไม้



หน่วยยานพาหนะ




ทักษะที่ได้รับ
1.มาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัย
2.การจัดกิจกรรมฝฃให้เชื่อมโยงกับมาตรฐาน
3.การสอนตามมาตรฐาน
4.การเปลี่ยนแปลง
5.การสื่อสารในลักษณะต่างๆของเด็ก
6.เกณฑ์ในการจัดกลุ่มหรือประเภท
7.การเปรียบเทียบ

การประยุกต์ใช้
     การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้ของแต่ละหน่วย
  

ประเมินผล

ประเมินตนเอง สามารถจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานได้

ประเมินเพื่อน เพื่อนๆมีความเข้าใจและช่วยกันทำงาานเป็นอย่างดี

ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีหลักการอธิบายที่เข้าใจได้ง่าย





บันทึกการเรียน
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2559

บรรยากาศในห้องเรียน
   วันนี้อาจารย์ได้พูดคุยให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับของเล่นที่เป็นงานกลุ่มว่าสามารถจัดกับเด็กได้อย่างไรและควารแก้ไขเพิ่มเติมตรงไหร สามรถเชื่อมโยงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในเรื่องไหนได้บ้าง



หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แล้วให้สมาชิกในกลุ่มปรึกษากันว่าจะจักการเรียนรู้ในหน่วยอะไร จากนั้นก็วางแผนแล้วก็เขียนลงกระดาษชาร์ต







หน่วยที่เพื่อนๆแต่ละกลุ่มเลือกทำก็จะมี ดังนี้
1.หน่วยยานพาหนะ
2.หน่วยดอกไม้
3.หน่วยไข่
4.หน่วยอวกาศ
5.หน่วยต้นไม้
6.หน่วยปลา
7.หน่วยผลไม้

ทักษะที่ได้รับ

วิทยาศาสตร์คืออะไร

ธีระชัย (2540) กล่าวว่า วิทยาศาสตร์ เป็นการศึกษาเรื่องราวของปรากฏการณ์ธรรมชาติและแสวงหากฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ดังนั้น วิทยาศาสตร์จึงหมายรวมถึง เนื้อหาสาระของความรู้ที่เกี่ยวกับธรรมชาติ การคิดอย่างมีระเบียบวิธี รวมทั้งวิธีการที่ใช้ในการแสวงหาความรู้และเจตคติทางวิทยาศาสตร์

Sund (1964) กล่าวว่า วิทยาศาสตร์ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับปรากฎการณ์ธรรมชาติอย่างเป็นระบบ รวมทั้งองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับธรรมชาติ เจตคติทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการหรือวิธีการเสาะแสวงหาความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติ

วิทยาศาสตร์ คือ การศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ รวมทั้งกระบวนการที่จะได้มาซึ่งองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Body of scientific knowledge) วิธีการทางวิทยาศาสตร์(Scientific method) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Science process skills) และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ (Scientific attitude) หรือจิตวิทยาศาสตร์ (Scientific mind)

การประยุกต์ใช้    การจัดหน่วยเรียนรู้สำหรับเด็กที่เหมาะสมเข้าใจง่ายและมีความสอดคล้องกับเนื้อหาสาระทางวิทยาศาสตร์ และสามารถสอดคล้องหรือเชื่อมโยงได้อย่างหลากหลายและเข้าใจง่าย
 

ประเมินผล

ประเมินตนเอง มีความรู้เรื่องการเลือกหน่วยที่เหมาะในการนำมาจัดกิจกรรมให้กับเด็ก

ประเมินเพื่อน เพื่อนๆมีความตั้งใจในการทำงานที่อาจารย์ได้มอบหมายให้

ประเมินอาจารย์ อาจารย์ได้อธิบายและยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมที่สามารถเข้าใจได้ง่าย




วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559



บันทึกการเรียน
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2559

บรรยายกาศในห้องเรียน
     วันนี้อาจารย์แจกกระดาษเปล่าให้กับนักศึกษาทุกคนแล้วให้เขียนขั้นตอนการทำของเล่นของตนเองลงในกระดาษจากนั้นก็ให้นำไปติดไว้ที่กระดานหน้าห้องเรียน แล้วก็ให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 8 คน แล้วก็ให้ปรึกษากันว่าจะเอาการทำของเล่นของใครมาเป็นชิ้นงานที่อาจารย์จะให้ทำเป็นกลุ่ม





และกลุ่มของพวกเราลงความเห็นกันว่า เอาที่ยิงลูกบอลจากไม้ไอติม




ของเล่นที่แต่ละกลุ่มเลือก

1.ยิงบอลจากไม้ไอติม



2.ขวดน้ำนักขนของ



3.เครื่องเป่าลม



4.รถพลังลม




ทักษะที่ได้รับ
1.การเรียนแบบมีลำดับขั้น
2.การวางแผน
3.การทำงานโดยมีหลักการทางวิทยาศาสตร์
4.การเชื่อมโยงเพื่อให้เด็กเกิดความเเปลกใหม่
5.การเกิดการริเริ่มเพื่อนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์

การประยุกต์ใช้

  การนำความรู้เดิมที่เรามีมาช่วยกันคิดต่อยอดเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ดีและสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงกับเด็กเพื่อให้เกิดประโยชน์และเหมาะสมที่สุด

ประเมินผล

ประเมินตนเอง มีความเข้าใจในการทำของเล่นวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับเด็ก การปฎิบัติตามขั้นตามหลักวิทยาศาสตร์

ประเมินเพื่อน เพื่อนๆต่างก็มีความคิดที่สร้างสรรค์ และมีความสนใจและช่วยกันทำงานกลุ่มที่ได้รับมอบหมายอย่างดี

ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีหลักการสอนและยกตัวอย่างการทำกิจกรรมที่เด่นและเห็นภาพได้ชัดเจนเพื่อให้นักศึกษาเกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้น



วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559



วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2559
ไม่ได้ไปเรียนเนื่องจากไม่สบาย


วันอังคาร ที่ 27 กันยายน 2559
ตรงกับวันสอบมิดเทอม

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559


สรุปบทความ

       ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Natural phenomena) หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้สร้างขึ้น แต่มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์โดยตรง เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า รุ้งกินน้ำ กลางวัน กลางคืน ภาวะโลกร้อน รวมไปถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่างที่นานๆครั้งจะปรากฎให้เห็น เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคา ฝนดาวตก การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเรื่องหนึ่งที่เด็กควรเรียนรู้ในสาระธรรมชาติรอบตัว ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 เพื่อฝึกทักษะการคิดแบบวิทยาศาสตร์โดยผ่านกิจกรรมการทดลอง การปฏิบัติจริงจากสถานการณ์จริง หรือสถานการณ์ที่สร้างขึ้นทั้งภายในห้องเรียน และขณะอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน

การสอนเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยอย่างไร

      การเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติช่วยฝึกฝนทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก เช่น
ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกเปรียบเทียบ ทักษะการรับฟัง ทักษะความตั้งใจ ทักษะการค้นพบ
ทำให้เด็กได้พัฒนาและสร้างความคิดรวบยอดในสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ เป็นคนที่มีความสามารถในการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อสิ่งใดง่ายๆ  ทำให้เด็กมีเหตุผลในการกระทำสิ่งต่างๆ และสามารถใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาทั้งในส่วนตนและส่วนรวมได้ เช่น การจัดกิจกรรมที่ทำให้เด็กมีความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเกิดรุ้งกินน้ำจากการเป่าฟองสบู่ การเกิดฝนจากการต้มน้ำ การต้มไข่ การซักผ้าและนำไปผึ่งแดด การเกิดกลางวัน กลางคืนจากการส่องแสงจากไฟฉายให้ไปกระทบกับพื้นผิวของลูกบอล เป็นต้น ซึ่งลักษณะการทดลองการเกิดปรากฏการณ์ง่ายๆดังกล่าว ทำให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดได้ และที่สำคัญเป็นการเรียนรู้ที่ผ่านประสบการณ์ตรง เด็กได้ลงมือปฏิบัติและค้นพบองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง

สรุปวิจัย

การพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ

ผู้วิจัย เอราวรรณ ศรีจักร

ความสำคัญและความเป็นมาของงานวิจัย

ประเด็นที่ 1 วิทยาศาสตร์มีความสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต
ประเด็นที่ 2 วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งความรู้คนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์
ประเด็นที่ 3 การเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล ซึ่งเรียกว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ประเด็นที่ 4 เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 4 - 5 ปีมีลักษณะเฉพาะตัว คือมีความเชื่อว่าทุกอย่างมีชีวิตมีความรู้สึกและเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกมีจุดมุงหมายและชอบตั้งคำถามโดยใช้คำว่า”ทำไม”
ประเด็นที่ 5 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยนั้นจะมาจากการใช้ประสาทสัมผัส เป็นหลักการเรียนรู้ สื่อสำหรับเด็กในการเรียนรู้มีหลายชนิด สื่อแต่ละชนิดสามารถปรับใช้ได้กับหลายจุดประสงค์
ประเด็นที่ 6 แบบฝึกทักษะเป็นเอกสารที่สร้างขึ้นเพื่อฝึกให้เด็กได้เตรียมความพร้อมด้านสติปัญญาและทักษะต่างๆ มีรูปแบบวิธีการ ที่มีแบบแผน กฎเกณฑ์โดยมีคำสั่งของแต่ละกิจกรรมตามเนื้อหาของจุดประสงค์ของแบบฝึกแต่ละเล่ม ซึ่งเป็นแบบฝึกเกี่ยวกับภาพ ครูจะใช้ประกอบขณะเด็กทำกิจกรรมหรือตอนสรุปการเรียน

ความมุ่งหมายของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาระดับทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวมและจำแนกรายทักษะ หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกหัด
2.เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประชุดแบบฝึกทักษะ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ผลการวิจัยครั้งนี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยใช้เป็นแนวทางในการใช้แบบฝึกทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยและเป็นแนวทางสำหรับครูในการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้สื่อที่เป็นแบบฝึกทักษะหรือสื่ออื่นๆแก่เด็กปฐมวัยให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ

ขอบเขตของการศึกษาวิจัย

ตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้น คือ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์

ตัวแปรตาม/ตัวจัดกระทำ ได้แก่ ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ 4 ด้าน คือ
1.สังเกต
2.จำแนกประเภท
3.สื่อสาร
4.การลงความเห็น

สมมุติฐานการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะมีการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน
ประชากร นักเรียนชาย-หญิงที่มีอายุระหว่าง 4-5 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนอนุบาลธนินทรเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่การศึกษา 2
วิธีดำเนินการวิจัย การเลือกกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชาย-หญิง อายุระหว่าง 4-5 ปีกำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนอนุบาลธนินทรเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่การศึกษา 2 ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยการจับฉลากเลือกจำนวน 1 ห้องเรียน จากจำนวน 2 ห้องเรียน และผู้วิจัยสุ่มนักเรียนเข้ากลุ่มทดลอง 15 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.ชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ โดยใช้สมองเป็นฐานการเรียนรู้ ของ รศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ
2.แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สาระตามชุดแบบฝึกทักษะ
3.แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

สรุปผลการวิจัย

1.พัฒนาการทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวมหลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะอยู่ในระดับดีมากและจำแนกรายทักษะอยู่ในระดับ ดีมาก 3 ทักษะคือ ทักษะการสังเกต ทักษะการสื่อสาร และทักษะการลงความเห็น และอยู่ในระดับดี 1 ทักษะคือ ทักษะการจำแนกประเภท
2.พัฒนาการทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะสูงขึ้นกว่าก่อนการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ.01